Lee Kong Chian National History Museum (LKCNHM)
พาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ที่กำลังมาแรงที่สุดในสิงคโปร์ ณ ขณะนี้ที่ Lee Kong Chian National History Museum พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ ลี กอง เชียน ตั้งอยู่ที่ย่าน West Coast นอกตัวเมืองแต่สามารถเดินทางมาได้ง่ายๆ ไม่ไกล ด้วยรถเมล์หรือรถไฟฟ้า (อ่านวิธีเดินทางได้ที่นี่)
ด้านในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นมาของสัตว์โลก มีฟอสซิลโบราณจัดแสดงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไดโนเสาร์คอยาว ปลาโบราณ หอยโบราณ นอกจากนั้น ยังมีสัตว์ป่าหายากสตัฟฟ์มากมายมายให้เราได้ศึกษาเรียนรู้ เรียกว่ามาที่เดียวก็ได้ความรู้กลับไปเต็มๆ
เวลาเปิดทำการ : อังคาร - อาทิตย์ 10.00 - 19.00 น. (ปิดวันจันทร์)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 20 SGD / เด็กและผู้สูงอายุ 12 SGD
![]() |
รีวิว Lee Kong Chian National History Museum (LKCNHM) |
Lee Kong Chian National History Museum เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore) เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2015 ที่ผ่านมา |
ด้วยรูปแบบตัวอาคารที่ออกแบบมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ (ตามแบบฉบับของมหาวิทยาลัยที่นี่) สวยงามในแนวสิงคโปร์ที่ขึ้นชื่อได้ว่า เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยต้นไม้ แนะนำให้เดินขึ้นมาถ่ายรูปกันก่อนตรงจุดนี้ |
จากนั้น เดินลงบันไดไปชั้นล่างจะเป็นทางเข้าสู่พิพิธภัณฑ์ เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่สนใจชมทุกวันยกเว้นวันจันทร์ (ปิดทำการ) ตั้งแต่เวลา 10.00 - 19.00 น. |
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 21 SGD เด็กตั้งแต่ 3-12 ปี 13 SGD ต่ำกว่า 3 ปี เข้าฟรี |
โมเดลจำลองของดอก Rafflesia ดอกไม้ที่ได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อโตเต็มที่จะมีเส้นผ่านศูนย์กลางหลายเมตร หนักถึง 10 กิโลกรัม ขยายพันธุ์ด้วยการผสมเกสารจากแมลง โดยอาศัยการส่งกลิ่นล่อ |
ต่อมาเป็นพันธุ์ไม้ต่างๆ ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศในเขตร้อนชื้น มีฝนตกชุกตลอดปี |
ส่วนตู้นี้ ว่าด้วยเรื่องของเห็ดพันธุ์ต่างๆ ที่พบเห็นในธรรมชาติ |
จากนั้น จะเข้าสู่โซนที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด คือ โซนไดโนเสาร์ ที่นี่จะมีโครงกระดูกไดโนเสาร์คอยาว 3 ตัว ความสูงเท่ากับตึก 2 ชั้น ตั้งตระหง่านอยู่ น่ามาชมมากๆ |
รอบๆ จะมีตัวอย่างฟอสซิล พร้อมกับการอธิบายกรรมวิธีการขุดหาฟอสซิลไดโนเสาร์ให้เราได้ชมกัน |
มีการแสดงไฟด้วยทุกๆ ครึ่งชั่วโมง |
ระหว่างรอเวลาก็เดินชมรอบๆ กันก่อน ตัวนี้คือ เจ้านก Dodo นกจากหมู่เกาะมอริเชีสซึ่งสูญพันธุ์จากโลกนี้ไปแล้ว |
ฟอสซิลไดโนเสาร์ เล็กๆ ซึ่งฟอสซิลนี้ เก่าแก่จนเป็นหิน ไม่สามารถสกัดออกมาได้ เป็นส่วนของไดโนเสาร์ Apollonia ซึ่งเป็นพันธุ์ที่อาศัยในทวีปอเมริกาในยุคจูราสลิคเมื่อ 150 ล้านปี |
แล้วก็ได้เวลาแสดงไฟ การแสดงใช้เวลาประมาณ 5 นาที ไฟจะเปลี่ยนสีสวยๆ ไปเรื่อยๆ เป็นสีสันให้กับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ |
![]() |
จองโรงแรมในสิงคโปร์ราคาถูก คลิกที่นี่ |
นักท่องเที่ยวเยอะทีเดียว ส่วนใหญ่เป็นชาวสิงคโปร์และฝรั่ง คนไทยยังไม่เจอเลยจ้า |
จบจากโชว์ไฟ ก็ไปชมสิ่งทีน่าสนใจกันต่อ เริ่มจากโซนของสัตว์ชนิดเล็กๆ ที่เค้าจับมาดองใส่ขวดโหลให้ชมกัน มีเป็นร้อยๆ ขวดเลย |
เคยเห็นมั้ย? เครื่องในเต่า ตับ ไตไส้พุง อย่างชัด |
สัตว์ทะลจำพวกหนอนทะเล แอบสยองนิดๆ |
ฟอสซิลของหอย Nautilus ที่มีสภาพแข็งเป็นหิน ถูกจับมาผ่ากลางให้เราได้ชมภายในกัน |
ส่วนนี้คือฟอสซิลผ่ากลางของหอย Ammonite |
โซนเมลงและสัตว์เปลือกแข็ง แมงดา เหรา แมงป่อง แมงมุม |
แมลงและผีเสื้อสายพันธุ์ต่างๆ เยอะมากๆ ต้องใช้เวลากันครู่ใหญ่ๆ เลยทีเดียว |
ด้วงและเมลงปีกแข็งต่างๆ คนรักแมลงห้ามพลาดเลย |
Japanese Spider Crab ปูแมงมุมญี่ปุ่น เป็นสัตว์ในไฟลัม Arthropods ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก |
Coconut Crab หรือปูมะพร้าว ถือเป็นสัตวในไฟลัม Arthopods บนบกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โตเต็มที่จะใหญ่ยาวได้ถึง 1 เมตรเลยทีเดียว พบที่ออสเตรเลีย |
Tasmanian Giant Crab หนึ่งในปูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก น้ำหนักกว่า 13 กิโลกรัม และยาวถึง 46 เซนติเมตร เมื่อโตเต็มที่ อายุของมันนั้นก็ไม่น้อยทีเดียวคือ 80 ปี พบได้ที่ทวีปออสเตรเลียและเกาะแทสมาเนีย |
มาถึงโซนสัตว์เลื้อยคลานกันบ้าง |
สารพัดงูและตุ๊กแกในประเทศแถบ AEC ตามตัวอย่างมาจาก ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์และอินโดนีเซีย |
ตรงจุดนี้ เราสามารถสัมผัสหนังของพวกมันได้จรงิๆ ซ้ายมือคือ หนังกบ Bullfrog บนขวาคือหนังจระเข้ ล่างขวาคือ หนังงู |
ใกล้ๆ กันเป็นห้องที่แสดงเรื่องราวความสัมพันธ์ของสัตว์ชนิดต่างๆ กับสภาวะน้ำขึ้นน้ำลง |
งูสายพันธุ์ต่างๆ ของเอเชีย |
โหลซ้ายมือตัวใหญ่คือ King Cobra ส่วนขวามือคือ งูเห่าอินเดีย (แบบที่แขกเป่าปี่แล้วลุกขึ้นมาเต้นนั่นแหละจ้า) ไซส์ต่างกันลิบลับ |
โซนนกชนิดต่างๆ ในภูมิภาคนี้ |
ตัวนี้ สวยงามทีเดียว นก Red Crowned Barbet พบในย่าน AEC เช่นกันไม่ว่าจะเป็นที่ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย พม่า บรูไน |
โซนสุดท้ายของโถงใหญ่ คือโซนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีให้ชมพอประมาณ แม้จะสู้ทางพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ของอังกฤษ เช่นที่ National History Museum ในลอนดอนไม่ได้ แต่ก็ถือว่า โอเคในระดับหนึ่งของเอเชียทีเดียว |
มีอะไรบ้าง ไปชมกัน |
สัตว์หายากต่างๆ ทั้งที่สูญพันธุ์ไปแล้ว และยังมีอยู่ถูกนำมาสต๊าฟให้ดูอย่างใกล้ชิด |
กระรอกบิน |
จากชั้น 1 เดินขึ้นบันไดไปยังชั้น 2 ยังมีให้ชมกันอีกหน่อย |